ช่วงนี้ปิดซัมเมอร์แล้ว ก็ว่างๆไม่มีอะไรทำ ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน นั่งเล่น นอนเล่น กินเล่น(จนอ้วนพี) เล่นเกมส์เดอะซิมส์ 3 สนุกมาก (นอกเรื่องแล้วXD) อยู่หลายวัน เพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียเวลา ฮ่าๆ พักผ่อนมันก็ดีแหละ แต่มันพักพอและ^^ เลยตัดสินใจเก็บกวาดห้องที่ไม่ได้เก็บมาตั้งแต่ม.6 จ๊ากก เก็บเสร็จก็ออกอาการคลุ้มคลั่งค่ะ ติดตามในบลอคของฝน http://dripdrop.exteen.com เป็นบลอคที่มีสาระบ้างไร้สาระบ้างตามอารมณ์จขบ. ฮา โปรโมทเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาจริงจังมั่ง(เหรอ?) ps. credit: เจ็ดคริสตจักร สนพ.อมตธรรมเพื่อชีวิต
ค่ะ ก็ไม่รู้คนอื่นเป็นแบบฝนมั้ยคะ คือเวลาที่สบายเกินไปจะไม่ค่อยแสวงหาพระเจ้า(หนูขอโทษ><) มันเฉื่อย แต่เวลาที่งานเยอะๆ กิจกรรมหนักหน่วง อ่านหนังสือสอบไฟลุกก้น จะแสวงหาพระเจ้ามากๆ เหมือนมันมีเวลาน้อยเลยพยายามหาเวลา (แต่พอมีเวลากลับละเลยซะงั้น) ช่วงนี้มีเวลามากเลยเป็นอะเกน พอรู้ตัวก็เลยกลับใจ ตัดสินใจมาหาพระเจ้า อ่านพระคัมภีร์เฝ้าเดี่ยว แล้วก็สำนึกได้ หนูผิดไปแล้วค่าพระเจ้า T^T วันนี้เฝ้าเดี่ยว(ฝนเฝ้าเดี่ยวจากมานาประจำวัน)ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับคริสตจักรเอเฟซัส เรื่องเดียวกับหนังสือที่ฝนคิดว่าจะเริ่มอ่านพอดีเลย ว้าว! เฝ้าเดี่ยวจบแล้วรีบหยิบหนังสือเรื่อง‘เจ็ดคริสจักร’มาอ่านต่อเลย ซึ่งในบทแรกนั้นก็คือคริสตจักรเอเฟซัสนั่นเอง รู้สึกอยากแบ่งปันให้พี่น้องค่ะ แต่ไม่รู้จะแบ่งปันอย่างไร เอาเป็นสรุปให้ดีกว่า ฝนยังไม่ค่อยมีความรู้ถูกผิดประการใดรบกวนแนะนำด้วยค่ะ เริ่มด้วยพื้นฐานเมืองนี้กันก่อนเลยดีกว่า เมืองเอเฟซัส
เอเฟซัสเป็นเมืองท่าที่สำคัญมากในย่านเอเชียไมเนอร์(ดูจากแผนที่จะเห็นว่าอยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) สามารถปกครองตัวเองได้อย่างอิสระ มีโรงมหรสพและสนามกีฬาอันกว้างใหญ่ซึ่งชาวเมืองเอเฟซัสภูมิใจเป็นอย่างมาก ด้านศาสนาก็มีความเชื่อในหลายศาสนา ศาสนาที่เป็นจุดเด่นของเขาคือ พระวิหารของเทวีอาร์เทมิส(เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณด้วย) ผู้คนมากหลายนับถือเทพเจ้าองค์นี้ สินค้าที่ขึ้นชื่อของเอเฟซัสก็ไม่ใช่อะไรหากเป็นพระอาร์เทมิสองค์เล็กที่ทำด้วยเงิน เป็นสินค้าที่ขายดีอย่างมาก นอกจากนี้เอเฟซัสก็ยังเป็นศูนย์กลางของการศึกษาวิชา “เวทมนต์คาถา”
จึงเห็นได้ว่าคริสจักรเอเฟซัสตั้งอยู่ท่ามกลางความงมงายของผู้คนและท่ามกลางอำนาจมืดนานาชนิด แต่คริสตจักรก็ได้เป็นดวงประทีปที่ฉายแสงท่ามกลางความงมงายของผู้คนในสมัยนั้น
ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์มาถึงเอเฟซัสในราวปีค.ศ. 52 โดยเปโตร ปริสซิลลาและอาควิลลา (ในกิจการ 18:18-22) และเปโตรก็ได้เดินทางประกาศข่าวประเสริฐรอบที่สอง(กิจการ 19:8-10) ในเวลาต่อมาเปาโลถูกจับข้อหาประกาศเรื่องพระคริสต์และถูกนำไปขังไว้ที่กรุงโรม ท่านได้เขียนจดหมายถึงคริสตจักรเอเฟซัสฉบับหนึ่งด้วย
ทิโมธีซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของเปาโลก็ได้รับใช้พระเจ้าในคริสตจักรเอเฟซัสอยู่ระยะหนึ่ง(ใน 1 ทิโมธี 1:3)
เมื่อทราบถึงพื้นฐานของเมืองเอเฟซัสแล้ว ก็ไปดูกันในพระธรรมวิวรณ์ที่พูดถึงคริสตจักรเอเฟซัส(อ่านพระธรรมวิวรณ์ 2:1-7 ไปก่อนเลยก็ได้นะค้าบ)
พระคริสต์เป็นทรงเป็นเจ้าของคริสตจักร
“พระองค์ผู้ทรงถือดาวทั้งเจ็ดไว้ในเบื้องพระหัตถ์เบื้องขวา และดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นตรัสดังนี้ว่า...” (วิวรณ์ 2:1)
ดาวทั้งเจ็ด หมายถึง ทูตสวรรค์ประจำคริสตจักร
คันประทีป หมายถึง คริสตจักร
(วิวรณ์ 1:20)
พระเยซูคริสต์เป็นผู้ถือดาวทั้งเจ็ด คำว่า “ถือ” ในภาษาเดิมเน้นถึงการ “จับกุมไว้แน่น” แสดงถึงว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นเจ้าของ
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นด้วย พระเยซูคริสต์เป็นผู้ตรวจตราดูแลด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลพระองค์ก็ทรงตักเตือนแนะนำ
พระเยซูคริสต์ทรงมีสิทธิอย่างสมบูรณ์ในการ “ถือ” และการ “ดำเนิน” อยู่ท่ามกลางคริสตจักรเพราะพระองค์ได้ทรงซื้อคริสตจักรด้วยพระโลหิตของพระองค์ พระคัมภีร์ได้เปรียบเทียบให้เราเห็นว่าพระเยซูคริสต์ทรงอยู่ในฐานะเจ้าบ่าวและคริสตจักรอยู่ในฐานะเจ้าสาวที่บริสุทธิ์ของพระองค์ นอกจากนี้พระเยซูคริสต์ยังทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรอีกด้วย (เอเฟซัส 5:23) พระเยซูคริสต์ทรงเป็นเจ้าของคริสตจักร (คริสตจักร หมายถึง กลุ่มคนที่พระเจ้าทรงเรียกให้มารวมตัวกัน) ไม่ใช่ทูตสวรรค์ หรือพญามาร หรือมนุษย์คนหนึ่งคนใด แต่พระองค์เป็นผู้ที่มีอำนาจอย่างสมบูรณ์ในคริสตจักรแต่องค์เดียว
เราต้องเข้าใจว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นเจ้าของคริสตจักร เราวางใจในพระองค์ได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ซื่อสัตย์และมั่นคง
เมื่อเห็นถึงฐานะอันชอบธรรมที่พระคริสต์มีต่อคริสตจักรแล้วก็ไปดูสิ่งที่พระองค์ตรัสต่อเลยนะก๊าบ
คำชี้แจงและคำชมเชย
ในข้อที่ 2 “เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้า” (เริ่มหมดแรงพิมพ์แล้ว แฮ่กๆ) คำตรัสนี้มีความหมาย 2 ประการ คือ
ก. พระเยซูคริสต์ทรงทราบ
พระเยซูคริสต์ทรงทราบอะไร พระองค์ทรงทราบว่าคริสตจักรเอเฟซัสนั้นทำงานด้วยความเหนื่อยยาก ทำงานหนักจนหมดเรี่ยวแรงที่มี มีความอดทน พร้อมที่จะเผชิญกับความทุกข์ยากนานับประการ และก็ทรงตรัสชมเชยคริสตจักรเอเฟซัสในด้านนี้ด้วย
เมื่อผู้เขียนศึกษาอย่างถี่ถ้วนก็พบว่า คริสตจักรเอเฟซัสเป็นคริสตจักรที่เอาจริงเอาจังมาก สัปดาห์หนึ่งมีการประชุมหลายครั้ง สมาชิกร้อนรนขยันขันแข็ง ช่วยเหลือกัน ทุ่มเทชีวิตในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า ราวกับโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำงานอย่างไม่หยุดยั้ง
นอกจากนี้ก็ยังเผชิญกับความทุกข์ยากจากโลกภายนอกด้วย จากพ่อค้าขายรูปเคารพที่โมโหเพราะขาดลูกค้าไป เนื่องจากคนกลับใจมาเชื่อพระเจ้า(กิจการ 19:23-40 การจารจลที่เมืองเอเฟซัส) จากพวกที่นับถือผี เวทมต์คาถา และพวกเล่นวิทยากล และเผชิญการถูกกดขี่ข่มเหงอีกมากมาย ทว่าชาวคริสเตียนเอเฟซัสก็มีความอดทนอย่างมาก ไม่ว่าจะเจอความทุกข์เท่าไร พวกเขาก็ไม่ได้ละทิ้งพระคริสต์เลย
คริสเตียนในยุคปัจจุบันก็ควรมีลักษณะเช่นนี้เหมือนคริสเตียนชาวเอเฟซัสด้วย
ข. ชมเชยถึงความเชื่อและการรู้จักพระคัมภีร์
วิวรณ์ 2:2-3,6
คริสเตียนชาวเอเฟซัสมีความรู้เรื่องพระคัมภีร์อย่างทะลุปรุโปร่ง สามารถแยกแยะได้ว่าคำสอนใดเป็นคำสอนจริงหรือคำสอนเท็จ เขาไม่สามารถ “ทนต่อทุรชน” ได้ คือไม่อาจทนฟังคำสอนผิดๆได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด ในวิวรณ์ 2:6 เห็นว่าสมาชิกเกลียดชังการกระทำของผู้สอนเทียมเท็จ นี่เป็นตัวอย่างที่ดีในด้านความเกลียดชัง เน้นว่า เขาเกลียดที่ตัวลัทธิ มิใช่เกลียดชังที่ตัวบุคคล พระเยซูคริสต์เกลียดชังความบาป แต่พระองค์ทรงรักคนบาป ทรงยอมตายเพื่อนคนบาป
พระเยซูคริสต์ทรงตำหนิ
อย่างไรก็ตาม แม้คริสตจักรเอเฟซัสดูราวกับจะเป็นคริสตจักรที่ยอดเยี่ยม แต่...ยังมีบางสิ่งที่คริสตจักรเอเฟซัสยังขาดอยู่ สิ่งนั้นก็คือ!! คริสจักรละทิ้งความรักดั้งเดิมไป ความรักดั้งเดิมนี้คืออะไร อาจเป็นได้ทั้ง ความรักต่อพระเจ้า ความรักต่อพี่น้องคริสเตียน หรือความรักที่มีต่อเพื่อนร่วมโลก(โอวว)
ละทิ้ง ละทิ้ง อะไร อะไร ละทิ้ง ละทิ้ง คือ!! ไม่ยอมยึดไว้ ไม่ใช่ว่าจู่ๆมันก็เหือดหายของมันไปเองนะ ความรักของพระเจ้ายังคงถาวรนิรันดร์ ดังนั้น ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่พระเจ้าแล้วคับพี่น้องง แต่อยู่ที่ตัวคริสเตียนชาวเอเฟซัสต่างหากล่ะ ในอดีตเขามีความรักของพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม แต่ตอนนี้ ไม่เหลืออีกเลย โอวว
ต่อไปครับท่านผู้ชม เป็นสิ่งที่ผู้เขียนได้เขียนไว้นะฮะ
- ความรักที่เรามีต่อพระคริสต์เป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อก่อนสนิทกับพระเยซูคริสต์ แต่เดี๋ยวนี้ห่างเหิน ไปโบสถ์ ก็ไปงั้นๆแหละ ตามพิธี
- ความรักที่เรามีต่อพี่น้องในพระคริสต์เป็นอย่างไรบ้าง
หากละทิ้งความรักดั้งเดิม มันก็จะตรงกันข้ามกับความรักที่ถูกเขียนไว้ใน 1 โครินทร์ 13:4-7
- ความรักที่เรามวลมนุษย์เป็นอย่างไรบ้าง
ประกาศเป็นพยาน ทำสิ่งต่างๆแบบขอไปที แบบเป็นหน้าที่ ไม่ได้ทำด้วยใจ
เปาโลกล่าวว่า แม้จะเผยพระวจนะได้ หรือมีความรู้ก่ายกอง มีความเชื่อขาดสั่งให้ภูเขาเขยื้อนได้ แต่ถ้าไม่มีความรักเป็นพื้นฐานของการกระทำ สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่มีความหมายเลย
ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าความรักสำคัญสุด เป็นตัวผลักดันให้ทุกอย่างเคลื่อนไป ทำให้การดำเนินชีวิตคริสเตียนของเรามีชีวิตชีวาและคนทั้งปวงจะเห็นความรักของเรา
ความรักสำคัญมากเพราะทำให้เกิดผล 3 ประการ
1. การนมัสการมีความหมายมากยิ่งขึ้น
2. ก่อให้มีการปฎิบัติตามด้วยความเชื่อฟัง
**เมื่อพูดถึงความรัก ในพระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวว่า ต้องขึ้นกับ”อารมณ์” หรือ “ความรู้สึก” แต่ขึ้นกับ “การตัดสินใจ” และความ “ตั้งใจ” ถ้าขึ้นกับอารมณ์ก็ไม่แน่นอน ไม่สามารถยึดเป็นหลักได้ เรารักเพราะเราตัดสินใจ “รัก” และตั้งใจที่จะ “รัก”
3. ความรักคือการเสียสละเพื่อผู้อื่น
ความจริงและความรักต้องควบคู่กันไปนะก๊าบบบ
“ความจริงที่ปราศจากความรัก ก็แข็งกระด้างและน่ากลัว
และความรักที่ปราศจากความจริง ก็อ่อนแอและไร้สมรรถภาพ”
พระดำรัสของพระเยซูคริสต์
อ่านได้จาก วิวรณ์ 2:5 ค่ะ (ขอโต๊ดจริงๆหนูจาหมดแรงพิมพ์แล้ว)
มีคำเตือน 3 ประการ
1. ให้ระลึกถึงสภาพเดิม
ระลึกเพื่อเริ่มต้นใหม่ และก้าวหน้าให้สูงกว่าเดิม หากกลับจุดเดิมแล้วอยู่กับที่ก็เท่ากับถอยหลัง
ระลึกถึง ในภาษากรีก หมายถึง ระลึกถึงอยู่เสมอ เป็นปัจจุบัลกาล คือคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอเป็นนิจศีล
2. ให้กลับใจเสียใหม่
ไม่ว่าเราจะรู้สึกอย่างไร แต่ถ้าพระคัมภีร์บอกว่าบาป บาปก็คือบาป การกลับใจเป็นสิ่งที่ต้องทำทันที ไม่ต้องรอจนกว่าจะรู้สึกบาปแล้วค่อยสารภาพ
3. ให้ประพฤติเหมือนเดิม
เมื่อรู้ว่าผิดต้องหันหลังกลับแล้วเกินไปในทางที่ถูกต้องทันที การกลับเข้าสู้น้ำพระทัยของพระเจ้าทันที ย่อมเป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับชีวิตคริสเตียน
เราอาจจะพลาดพลั้ง ละเลย ไม่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าในแต่ละวัน ก็ขอให้เรากลับเข้าพระองค์ตามเดิม เราอาจจะพลาดเป้าในการเรียน เราอาจจะพลาดเป้าในการประกอบอาชีพหรือในการปรนนิบัติผู้อื่น ก็ขอให้เรากลับใจเสียใหม่
^
ย่อหน้านี้โดนใจตัวเองมาก ขอก๊อปทั้งดุ้นเลย
พระดำรัสเตือน
ในพระคัมภีร์ตอนนี้ พระเยซูคริสต์ไม่เพียงแต่สั่ง แต่พระองค์ยังหนุนใจและประทากำลังแก่เราอีกด้วย
แต่ถ้ายังไม่เชื่อฟัง ยังไม่กลับใจใหม่ พระเยซูคริสต์ผู้เป็นเจ้าของก็จะจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เรารู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก ดังนั้นคริสตจักรของพระองค์จะต้องมีความรัก
น่าเสียดายที่คริสตจักรเอเฟซัสไม่ยอมรับคำเตือนของพระเยซูคริสต์ พวกเขาไม่ยอมกลับใจ คันประทีปของคริสตจักรจึงถูกยกออกไป ในเวลาต่อมาคริสจักรเอเฟซัสและเมืองเอเฟซัสก็ถูกลบออกไปสิ้น ปัจจุบันนี้เป็นเพียงเมืองเล็กๆที่ซบเซา และเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง มีคริสเตียนอยู่ในเมืองเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
พระสัญญา
พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิตที่อยู่ในอุทยานสวรรค์แห่งพระเจ้า” (วิวรณ์ 2:7)
ผู้ที่กลับใจใหม่และประพฤติตามอย่างเดิม พระเจ้าจะประทานให้เขาได้รับผลอันอมตนิรันดร์
ผลของต้นไม้แห่งชีวิตในอุทยานสวรรค์ของพระเจ้ากำลังรอเราอยู่ ซึ่งพระองค์ทรงเตรียมไว้สำหรับคนของพระองค์
จบ(แฮ่กๆๆ)
ไม่มีปิดท้ายอันสวยงามแล้วล่ะค่า หมดแรงอย่างจริงจัง
ไม่คิดเลยว่าจะยากขนาดนี้ อ่านแป๊ปเดียวก็จบแล้ว แต่การเขียนนี่สิ... กลัวทั้งเขียนสื่อความหมายผิด เขียนไม่เข้าใจ เขียนน่าเบื่อ ฯลฯ มันยากจริงๆ ไม่คิดว่าจะนานขนาดนี้ แฮ่ ไม่กล้าเขียนเป็นสำนวนตัวเองมากด้วย กลัวบิดเบือน แง๊ว(แต่หลังๆสังเกตได้ว่าเริ่มมีสำนวนแปลกๆ เพราะมันล้าแย้ววว บ๊องไปแล้วค่ะ) ถ้ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ(อย่างกับรายงาน อิอิ)
และไม่คิดว่าจะยาวววววขนาดนี้ด้วย
ถ้าได้อ่านจากตัวหนังสือจริงจะดีกว่านี้ค่ะ ฝนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ผู้เขียนเขาสุดยอดจริงๆ ไม่เพียงแต่ได้ข้อมูล แต่ได้การนำไปใช้อีกด้วย ข้อคิดสอดแทรกอีก ขอคารวะ 3 จอก
อ้อ หนังสือเรื่องชื่อ เจ็ดคริสตจักร อภิทนันการจากพี่กวางค่ะ ตั้งแต่ค่ายปีที่แล้ว(อูยย ดองไว้นาน) เคยอ่านไปบทเดียว แล้วหลังจากนั้นก็ขึ้นหิ้งไปเลย(ไม่ได้แตะนั่นเอง) แล้วอยู่ๆก็มีแรงบันดาลใจอยากปัดฝุ่นมาอ่านตั้งแต่แรกใหม่ซะงั้นละค่ะ
สุดท้าย มีสิ่งใดแนะนำขอน้อมรับไว้ด้วยความยินดีค่ะ ติชมได้ แนะนำได้ ความคิดเห็นของท่านมีคุณค่าสำหรับข้าพเจ้าจริงๆ
O.Oย่อหน้าติดกันเป็นแถบ ไปนอนก่อนค๊า เดี๋ยวตื่นมาแก้
ยาวเกิน อ่านแต่ข้างบนกับข้างล่าง(ที่มันไม่มีเนื้อหา) 555
น้ำฝน
พี่ต๊อกแต๊กเอง พี่ต้องสอนรวีในสัปดาห์นี้ เรื่อง 7 คจ.
และคจ.ที่พี่รับผิดชอบก็คือ เอเฟซัสนี่เอง
55555 น้ำฝนบรรยายได้ครบถ้วนจนพี่ไม่ต้องเตรียมสอนเลย ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ ผ่านมือเล็กๆ คือการส่งผ่านความเชื่อและความรักดั้งเดิมของน้ำฝน
ขอพระเจ้าสอนน้ำฝนในทุกหนทางที่พระองค์เห็นว่าดี ให้ฝนมีชีวิตที่เรียนรู้สนุกกับการใช้ชีวิตกับพระเจ้า
แบบนี้ตลอดไปนะคะ
พระเจ้าอวยพรค่ะ
พี่ต๊อกแต๊ก